PRINCIPE CORSINI
The visit at Villa Corti is always like a dreamlike to me. Last time I went with my batch mates in May. The garden was full of blooming roses and we saw the princess standing on the balcony.
The Corsini family is one of the most prestigious Italian aristocratic families. They have contributed to many historically important things in Italy for example the Trevi Fountain in Rome was commissioned by Lorenzo Corsini Pope Clemente XII who lived between 1652-1740.
Today again I went with my classmates for a guided tour of the wine cellars and the olive mill. The tour guide explained about winemaking and oil pressing methods which were quite impressive.
I have always wondered about the making of the Olive oil since I was young. In Thailand we have another kind of Olives which grows next to the river and we eat them as fruits dipped in sea salt and crushed chilies. The process of Italian Olive oil making is a whole new World to me.
The Olives were hand-picked and must be processed within few hours in the estate’s owned Olive mill. They were passed through the washing,pressing,kneading,extraction and then separation until becoming the extra virgin Olive oil.
I was amazed that 400 kg of Olives can produce roughly around 40 liters of Extra virgin olive oil. The making of normal Olive oil is the repeated process by using the same extracted Olives. That’s why the prices, scents and tastes are different.
Their olive oil has been awarded the Denomination of Extra Virgin Olive Oil of Chianti Classico DOP, and it has also received its organic certification from the QC Certification.
We visited the wine cellars and walked through a series of underground tunnels that pass under the Villa. At the end of the tour, we had a wine and Olive oil tasting in the historical osteria.
The success of their wines is not a secret or by luck. Apart from a fertile wine growing terrain which contributes to great wine making.
They pay attention to details in every process of wine making , more or less like the chefs working with details in the kitchen.
They strictly followed the rules and regulations of the Chianti Classico Denomination by not even using the drip irrigation systems.
A low-trained spurred cordon cultivation system was chosen. The right cultivation balance was promoted by planting no more than 6,000 vines per hectare. The “Le corti” which was kept aging for 20 years in the cellar was my favorite.
The estate situated in the heart of Chianti Classico, in the locality of San Casciano in Val di Pesa. The bus ride through the Tuscany country side in Autumn was absolutely enjoyable and it was conveniently only 20 km from Florence.
In the beautiful All’italiana garden overlooked the hills of Val di Pesa, the students took a group photos together as it was their last field trip of the culinary for professional chef course.
Understanding the wine making and oil pressing methods made me think it’s not just a making but it is an art of craftsmanship which deserves a high respect.
Next time I have a glass of wine, I would be grateful to the people who were behind my glass of wine and of course, the beautiful hills of Val di Pesa would always be on my mind.
สำหรับฉัน การมาเที่ยววิลล่าคอร์ซินี่ช่างเป็นความสุขเหมือนฝัน อันที่จริงปีนี้ฉันเคยมาแล้วกับเพื่อนๆตอนเรียนคอร์สเชฟช่วงเดือนพฤษภาคม ตอนนั้นมีดอกกุหลาบบานสวยเต็มสวนเลย พอเงยหน้ามองไปในวิลล่าก็เจอเจ้าหญิงยืนอยู่ที่ระเบียงด้วย
ตระกูลคอร์ซินี่เป็นหนึ่งในตระกูลเก่าแก่ มีฐานันดรสูงมาแต่โบราณ ตระกูลนี้ทำหลายสิ่งสำคัญไว้ให้อิตาลี่มากมายอยู่ นำ้พุเทรวี่ที่โรม ก็สร้างและสปอนเซอร์โดยโป๊บลอเรนโซ่ คอร์ซินี่ ถ้าไม่มีโป๊บลอเรนโซ่ พวกเราคงไม่ได้เห็นน้ำพุที่สวยวิจิตรขนาดนี้
วันนี้ฉันได้กลับมาเยี่ยมวิลล่าคอร์ซินี่อีกครั้งนึง หลังจากที่หลับตาเห็นภาพตัวเองยืนสูดอากาศสดชื่นในสวนมานาน วันนี้พวกเราได้เดินชมการทำไวน์และน้ำมันมะกอกในโรงงานของวิลล่า
ตั้งแต่เด็กๆ ฉันเคยสงสัยมาตลอดว่าน้ำมันมะกอกมีที่มาที่ไปยังไง ทำไมแพงกว่าน้ำมันทั่วไป มะกอกที่ฉันรู้จักที่เมืองไทย คือ ลูกมะกอกน้ำกรอบๆที่เอามาจิ้มพริกเกลือกินเล่น
การเรียนรู้ขั้นตอนการทำน้ำมันมะกอกวันนี้เป็นคนละเรื่องกับมะกอกน้ำจิ้มพริกเกลือของฉันโดยสิ้นเชิง
ชาวสวนต้องเก็บลูกมะกอกด้วยมือแล้วรีบเอามาทำน้ำมันก่อนที่มะกอกจะเสียคุณภาพ
การทำน้ำมันมะกอกมีหลายขั้นตอนมาก ต้องล้าง บีบอัด นวด กรอง แยก แล้วถึงจะได้บรรจุขวด น้ำมันมะกอกแรกที่ได้คือ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์
กากมะกอกที่ได้ เอามาทำซ้ำขั้นตอนเดิมก็จะได้น้ำมันมะกอกธรรมดาออกมา
แน่นอนน้ำมันส่วนที่ดีที่สุดโดนแยกออกไปแล้ว รสชาติ ความหอมหวลก็น้อยตามไปด้วย แต่ราคาก็ย่อมเยากว่า
เรื่องน่าตะลึง คือ มะกอกสี่ร้อยกิโลให้น้ำมันมะกอกประมาณสี่สิบลิตรเท่านั้นเอง
น้ำมันมะกอกของตระกูลคอร์ซินี่อร่อยจริงจนได้รับรางวัล Chianyi classico DOP และ ประกาศณียบัตร QC ด้วย
พวกเราได้เดินในอุโมงค์ใต้วิลล่าคอร์ซินี่ที่เป็นโรงบ่มไวน์ มีทั้งถังไม้ ถังแยก ที่นี่ทำทั้งไวน์ วิน ซานโต้ ไวน์หวานด้วย หลังจากนั้นก็ได้ชิมไวน์ และ น้ำมันมะกอกของวิลล่า
แน่นอน อร่อยไม่มีผิดหวัง
ความสำเร็จของไวน์และน้ำมันมะกอกของตระกูลคอร์ซินี่ไม่ใช่เรื่องฟลุ้ค หรือ เป็นความลับ
นอกจากความโชคดีที่ได้ไร่องุ่นในทำเลที่ดีแล้ว การพิถีพิถันในทุกรายละเอียด เช่น การจำกัดจำนวนต้นองุ่นแค่หกพันต้นต่อหนึ่งเฮคเตอร์เพื่อให้ได้องุ่นที่คุณภาพดี การไม่ใช้วิธีรดน้ำแบบน้ำหยดตามกฏของเคียนติ คลาสสิโค่
เข้มงวด ใส่ใจขนาดนี้ ผลิตภัณฑ์ของคอร์ซินี่ต้องออกมาอร่อยสมความตั้งใจแน่นอน
วิลล่าคอร์ซินี่ อยู่ใจกลางเคียนติ คลาสสิโค่ แถมซาน คาสชิอาโน่ บนเนินวาล ดิ เปซ่า
ห่างจากฟลอเร้นซ์มาแค่ยี่สิบกิโลเท่านั้นเอง
ฉันจัดนักเรียนเชฟให้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกันบนขั้นบันไดหน้าวิลล่าคอร์ซินี่ แดดบ่ายมากระทบทำให้แสงของใบไม้เปลี่ยนสีออกมาสวยมากๆเลย
สวนของวิลล่าคอร์ซินี่คงสวยทุกฤดูกาลนั่นแหละ
ความรู้เรื่องการทำไวน์ ทำน้ำมันมะกอก ทำให้ฉันมีมุมมองที่ต่างไป มันไม่ใช่แค่กระบวนการ จะว่าไป มันน่าจะไปงานอาร์ต งานฝีมือมากกว่า ถ้าคนทำจะใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก จนมาถึงการทำขนาดนี้ พวกเค้าน่าจะได้รับความเคารพในความตั้งใจผลิต
ดื่มไวน์แก้วหน้า ฉันจะดื่มด้วยความขอบคุณคนที่อยู่เบื้องหลัง
และแน่นอน ภาพเนินเขาวาล ดิ เปซ่า จะอยู่ในความทรงจำของฉันเสมอ